น้องๆ หลายคนที่เริ่มเข้าเรียน ม.ปลาย อาจสงสัยกันว่าการสอบ กสพท คืออะไร ใครบ้างที่ต้องสอบ เงื่อนไขและกฎเกณฑ์มีอะไรบ้าง วันนี้ครูกุ๊กจะพามาไขข้อข้องใจ รวมถึงการเตรียมตัวสอบ สำหรับน้องๆ คนไหนที่มีแพลนอยากเข้าสู่เส้นทางหมอตามไปดูกันได้ที่บทความนี้
เรื่องต้องรู้ของการสอบ กสพท
กสพท คืออะไร ครอบคลุมคณะอะไรบ้าง
กสพท มีชื่อย่อมาจาก กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย คือกลุ่มของคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ ในหลายมหาวิทยาลัยชั้นนำในไทยที่มาร่วมกันจัดสอบคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การคัดเลือกเป็นไปในมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ แล้วสอบแพทย์ใช้คะแนนอะไรบ้าง? น้องๆ อย่าลืมศึกษาในเรื่องนี้ด้วยนะ
มีคณะอะไรที่ต้องใช้คะแนนจาก กสพท บ้าง
- คณะแพทยศาสตร์
- คณะทันตแพทยศาสตร์
- คณะสัตวแพทยศาสตร์
- คณะเภสัชศาสตร์
ทำไมต้องสอบ กสพท?
- มาตรฐานเดียวกัน การสอบ กสพท จะทำให้การคัดเลือกนักศึกษาที่อยู่ในกลุ่มคณะแพทย์ เป็นไปอย่างยุติธรรม และมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
- คณะ สาขาวิชา และมหาวิทยาลัยชั้นนำ คณะหรือสาขาวิชาที่อยู่ในสายสุขภาพ อย่างเช่น คณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ และเภสัชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งในไทย สังกัดอยู่ภายใต้ กสพท
- โอกาสในการศึกษาต่อ ในคณะที่เป็นที่ต้องการในสายแพทย์, ทันตะ, สัตวแพทย์ รวมถึงเภสัช
กสพท สอบอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้วการสอบ กสพท ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ เลยก็คือ
- การสอบ TPAT1: เป็นข้อสอบวัดความถนัดเฉพาะทางของ กสพท ซึ่งจะเน้นความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และคณิตศาสตร์ รวมถึงทักษะการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และการใช้ภาษาอังกฤษ
- การสอบ A-Level: เป็นการสอบวัดความรู้ในระดับสูง โดยจะเน้นความรู้ในวิชาที่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาที่สมัคร เช่น ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์
มหาวิทยาลัยในไทยที่เข้าร่วม กสพท (กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย)
คณะแพทยศาสตร์
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น – จำนวนเปิดรับ 20 ที่นั่ง
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย – จำนวนเปิดรับ 176 ที่นั่ง
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรมแพทย์ทหารอากาศ กองทัพอากาศ – จำนวนเปิดรับ 30 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ – จำนวนเปิดรับ 24 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ – จำนวนเปิดรับ 65 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยนเรศวร – จำนวนเปิดรับ 35 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยมหิดล รพ.รามาธิบดี – จำนวนเปิดรับ 90 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยมหิดล ศิริราชพยาบาล – จำนวนเปิดรับ 152 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยรังสิต รพ.ราชวิถี – จำนวนเปิดรับ 50 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยรังสิต รพ.เลิดสิน – จำนวนเปิดรับ 15 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยรังสิต รพ.นพรัตนราชธานี – จำนวนเปิดรับ 15 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ – จำนวนเปิดรับ 140 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ – จำนวนเปิดรับ 40 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช – จำนวนเปิดรับ 50 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช รพ.ตากสิน – จำนวนเปิดรับ 20 ที่นั่ง
- วิทยาลัยแพทยศาสตรพระมงกุฎเกล้า (ชาย) – จำนวนเปิดรับ 65 ที่นั่ง
- วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า (หญิง) – จำนวนเปิดรับ 45 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี – จำนวนเปิดรับ 12 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยบูรพา – จำนวนเปิดรับ 50 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง – จำนวนเปิดรับ 16 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยสยาม – จำนวนเปิดรับ 20 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางวัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ – จำนวนเปิดรับ 14 ที่นั่ง
- มหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์ – จำนวนเปิดรับ 21 ที่นั่ง
คณะทันตแพทยศาสตร์
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย – จำนวนเปิดรับ 54 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยมหิดล – จำนวนเปิดรับ 80 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ – จำนวนเปิดรับ 15 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ – จำนวนเปิดรับ 30 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ – จำนวนเปิดรับ 30 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยนเรศวร – จำนวนเปิดรับ 45 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเนชั่น – จำนวนเปิดรับ 15 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยรังสิต – จำนวนเปิดรับ 60 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยสยาม – จำนวนเปิดรับ 30 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง – จำนวนเปิดรับ 22 ที่นั่ง
คณะสัตวแพทยศาสตร์
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย – จำนวนเปิดรับ 105 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ – จำนวนเปิดรับ 35 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น – จำนวนเปิดรับ 12 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยมหิดล – จำนวนเปิดรับ 45 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยมหาสารคาม – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก – จำนวนเปิดรับ 15 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
คณะเภสัชศาสตร์
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม) – จำนวนเปิดรับ 67 ที่นั่ง
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (สาขาเภสัชกรรมอุตสาหการ) – จำนวนเปิดรับ 78 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยมหิดล – จำนวนเปิดรับ 50 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ – จำนวนเปิดรับ 60 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม) – จำนวนเปิดรับ 20 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (สาขาเภสัชกรรมอุตสาหการ) – จำนวนเปิดรับ 20 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ – จำนวนเปิดรับ 30 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม) – เปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยสยาม (สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม) – เปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ – เปิดรับ 20 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยพายัพ (สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม) – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม) – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (สาขาเภสัชกรรมอุตสาหการ) – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (สาขาวิชาเภสัชกรรมอุตสาหการ) – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (สาขาวิชาการบริบาลทางเภสัชกรรม) – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น (หลักสูตรไทย) – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยศิลปากร – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
- มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น – จำนวนเปิดรับ 10 ที่นั่ง
คุณสมบัติของผู้ที่ต้องสอบ
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ต้องการสอบเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ หรือเภสัชศาสตร์ ภายใต้ระบบ กสพท นั้น ไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติพิเศษใดๆ นอกเหนือจากคุณสมบัติทั่วไปในการสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
- เป็นผู้สำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือเทียบเท่า: หมายถึงต้องจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือมีวุฒิการศึกษาที่เทียบเท่า ม.6 หรือเด็กซิ่ว
- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง: เนื่องจากเป็นสาขาที่ต้องใช้ร่างกายในการปฏิบัติงาน
- มีคุณธรรม จริยธรรม: ผู้ที่ทำงานในสายสุขภาพต้องมีความรับผิดชอบสูง มีจิตใจเมตตา และมีความซื่อสัตย์
ดูคอร์สเคมีแนะนำกับครูกุ๊ก
เคล็ดลับการเตรียมตัวสอบ
- ศึกษาหลักสูตร: ศึกษาหลักสูตรและเนื้อหาที่สอบของแต่ละคณะให้ละเอียด
- ฝึกทำข้อสอบ: ฝึกทำข้อสอบเก่าของ และข้อสอบจำลอง เพื่อทำความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบและเพิ่มความคล่องแคล่ว
- เรียนรู้ทฤษฎี: ทบทวนเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์ให้แน่น
- จัดตารางเวลา: วางแผนการเรียนและการฝึกทำข้อสอบให้เป็นระบบ
- พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้มีสมาธิในการเรียนและทำข้อสอบ
- ปรึกษาอาจารย์: หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเนื้อหาหรือแนวทางการเตรียมตัวสอบ ควรปรึกษาอาจารย์ผู้สอน
เตรียมตัวสอบ ด้วยวิชาเคมีครูกุ๊ก
วิชาเคมีเป็นหนึ่งในวิชาสำคัญที่ออกสอบใน TPAT1 การเรียนรู้เคมีกับครูกุ๊ก หรืออาจารย์ผู้สอนที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้น้องๆ เข้าใจหลักการทางเคมีและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลเพิ่มเติม : เว็บไซต์ กสพท